เห็นกระทู้หนึงกำลังเถียงกันเรื่องขันธ์  ก็เลยทำให้รู้สึกขบขัน นี้ถ้าตบกันได้มันคงตบกันไปแล้ว  เถียงกันอยู่ได้กับบทลิเกเดิมๆ เหมือนจันทโครพเถียงกับโจรป่าเพื่อแย่งชิงนางโมรา อยากจะโชว์พาวทางธ

เมื่ดผมมภาวนา อาศัย กำหนดรู้ สภาพธรรม จึงปรากฏเห็นวิบากสภาพอันตีกลับมาส่งผล ก่อให้เกิดสันตติแห่งกองขันธ์ ๕ เพราะขันธสันตติยังเป็นที่อาศัยแห่งอวิชชา จึงดำรงอยู่โดยปัจจัยแห่งอวิชชาและตัณหา อาศัยเหตุนี้

เห็นนำเพลงนี้ ทำนองนี้ ไปใช้กันในหลายคลิปเลยค่ะ แล้วก็รู้สึกว่ามันฮีลใจดี ติดทำนองมาแล้วน่ะเอง ช่วงนี้เดี๊ยนหนีความทุกข์ใจ ก็ด้วยเพลงนี้แหละค่ะ ฟังวนไป เทียบกับนักจิตวิทยายุคใหม่ ยุคหลัง ๆ คงเป็นคุณ

วันนี้มีคำถามที่คิดไม่ค่อยออกอ่าครับ เรื่องมีอยู่ว่า 1.รูปใน ขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) 2.รูปใน อายตนะ 6 (รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมมารมณ์) รูป ทั้ง 2 นี้ เหมือนกันหรือต่างกันอย่า

สาวกคนที่ 1 กล่าวว่า     นิพพานต้องเป็นอนัตตาแหงๆ  เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ........................ สาวกคนที่ 2 ก็กล่าวทำนองทักท้วงไม่เห็นด้วยว่า   

บัดนี้ จักแสดงธรรมะเป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุก ๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณ

อัตตทีปสูตร ว่าด้วยการพึ่งตนพึ่งธรรม   ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้: สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก เศรษฐี ใก

สัญญา แปลว่า ความสำคัญมั่นหมาย คือหมายถึง อาการที่จิตจำสิ่งที่กำลังรับรู้อยู่ได้ (หรือกำลังสัมผัสอยู่) ซึ่งสัญญานี้ก็มี ๖ อาการ ตามสิ่งที่รับรู้ อันได้แก่ ๑. สัญญาในรูป คือจำรูปที่เห็นได้ ว่าเป็นรูปข

สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาตินี้เกิดมาจากธาตุ ๔ เพราะพื้นฐานของทุกสิ่งคือ ธาตุ ๔ คือมีของแข็ง (ธาตุดิน) ของเหลว (ธาตุน้ำ) ความร้อน (ธาตุไฟ) และก๊าซ (ธาตุลม) เท่านั้น แต่ธรรมชาตินี้มีความอัศรจจร